สาวๆคนไหนที่อยู่ในภาวะเสี่ยงมะเร็งเต้านม?
ผู้หญิงที่ครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้
เช่น พ่อแม่ หรือน้องสาว และลูกสาว อัตราการเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม
จะเพิ่มขึ้นตามอายุและเพิ่มขึ้นมากในผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ส่งเสริมให้เป็นมะเร็งเต้านมได้โดยแบ่งออกเป็น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมต่อไปนี้สามารถแก้ไขได้
เช่น
●
ใช้ฮอร์โมนทดแทนในการรักษาภายหลังหมดวัยประจำเดือน
●
ใช้ยาคุมกำเนิดแบบรับประทาน (OCPs) เป็นระยะเวลานาน
●
ไม่เคยให้นมบุตร
●
ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ 2-5 แก้วต่อวัน
●
มีน้ำหนักตัวมากเกินไป (โดยเฉพาะวัยหมดประจำเดือน)
●
ขาดการออกกำลังกาย
●
กินอาหารพวกไขมันมากเกินไป
ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง
ได้แก่
●
เป็นผู้หญิง
●
อายุ (ความเสี่ยงมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น)
●
มีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี
●
หมดประจำเดือนหลังอายุ 50 ปี
●
การไม่เคยมีบุตร
●
มีบุตรภายหลังอายุ 30 ปี
●
มีแม่ พี่น้อง หรือลูกสาวเคยเป็นมะเร็งเต้านม
●
เคยตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม
หรือเต้านมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ในภาวะก่อนเป็นมะเร็งเต้านม
●
มีความผิดปกติของยีนส์ที่ได้รับ การถ่ายทอดพันธุกรรมมากจากพ่อแม่
●
เคยมีประวัติเคยเป็นมะเร็งมดลูกแล้วมะเร็งลำไส้ใหญ่ (รวมถึงประวัติในครอบครัวเคยมีคนเป็นด้วย)
การตรวจหาเซลล์มะเร็งเต้านม
ทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับหมอจะเห็นเหมาะสม เช่น
การนับชิ้นเนื้อไปตรวจที่เรียกว่า Biopsy การเอกซเรย์เต้านมแบบ
Mam-nogram ที่ช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อของเต้านมได้
หากมีความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับคุณ สิ่งที่ควรทำคือ
★
พยายามเรียนรู้ทุกๆ อย่างเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม
รวมทั้งวิธีการักษาด้วย
★
ถามทุกเรื่องที่มีความสงสัย และยังไม่เข้าใจ
ควรขอคำแนะนำและความเห็นจากคุณหมอที่ดูแลคุณ
★
หาโอกาสคุยกับคนที่เคยรักษามะเร็งเต้านมมาแล้ว
★
พัฒนาการของโรค
ตรวจเต้านมด้วยตนเอง
ถ้าคุณมีประจำเดือนเป็นปกติทุกเดือน
ควรตรวจเต้านมด้วยตนเองหลังจากหมดประจำเดือนในแต่ละเดือน ภายใน 1 สัปดาห์ แต่ถ้าอยู่ในวัยหมดประจำเดือน ให้ตรวจในวันแรกของทุกเดือน ส่วนผู้ที่กินยาเม็ดคุมกำเนิด
ให้ตรวจในวันแรกที่เริ่มกินยาแผงใหม่ การตรวจเต้านมควรทำระหว่างอาบน้ำในตอนเช้า
เพราะก้อนเนื้อจะถูกตรวจพบได้ง่ายหากมือและเต้านมยังเปียกออยู่ โดยใช้ฝ่ามือ 3
นิ้ว ของนิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วนาง คลำขึ้นลงหรือเป็นวงกลม
ให้ทั่วทั้งเต้านม รักแร้ และตรวจหัวนมว่ามีของเหลวไหลออกมาหรือไม่
จากนั้นให้ตรวจเต้านมขณะที่ยืนหรือนั่งหน้ากระจก
ตรวจทั้งในขณะที่ยกแขนขึ้นและแบข้างลำตัว มองดูการเปลี่ยนแปลงในขนาดและรูปร่าง
ดูรอยบุ๋มและความผิดปกติของเต้านม ต่อจากนั้นให้ตรวจเต้านมขณะที่นอนหงายกับพื้น
วางหมอนใบเล็กๆ หรือผ้าเช็ดหนุนไหล่ข้างที่จะตรวจ
ใช้มือขวาตรวจเต้านมข้างซ้ายและใช้มือซ้ายตรวจเต้านมข้างขวา
ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจเต้านมด้วยตนเองควรปรึกษาแพทย์
ในระยะก่อนเป้นมะเร็งเต้านมนั้นจะไม่มีสัญญาณหรืออาการใดๆเลย ดังนั้นการตรวจเต้านมอย่างส่ำเสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยช่วงที่เซลล์มะเร็งเติบโตจะทำให้มีอาการซึ่งควรรีบพบแพทย์ดังนี้
สัญญาณก่อนที่จะเป็นมะเร็งเต้านม
ในระยะก่อนเป้นมะเร็งเต้านมนั้นจะไม่มีสัญญาณหรืออาการใดๆเลย ดังนั้นการตรวจเต้านมอย่างส่ำเสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยช่วงที่เซลล์มะเร็งเติบโตจะทำให้มีอาการซึ่งควรรีบพบแพทย์ดังนี้
★ มีก้อนเนื้อที่เต้านมหรือในวงแขน
★ ขนาดและรูปร่างของเต้านมเปลี่ยนไป
★ หัวนมมีของเหลวไหลออกมาหรือมีรูปร่างผิดปกติ
★ มีผื่นแดงหรือตกสะเก็ดของผิวหนังหรือหัวนม
★ มีรอยขรุขระหรือรอยบุ๋มของผิวหนังเต้านม คล้ายเปลือกส้ม
การจะแน่ใจว่าเป้นมะเร็งเต้านมต้องผ่านการตรวจหลายวิธีเพื่อวัดขนาดของก้อนมะเร็ง ตรวจการแพรรากระจาย เพื่อตรวจหาระยะของมะเร็ง (staging) เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ตามปกติแล้วระยะมะเร็งจะแบ่งได้ดังนี้
● stage0 เป็นระยะที่มะเร็งไม่ลุกลาม พบเซลล์มะเร็งเฉพาะในท่อน้ำนม
● stage1 ก้อนมะเร็งมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2 เซนติเมตร ลุกลามไปยังเนื้อเยื่อเต้านม
● stage2 ก้อนมะเร็งมีเส้นผ่าศูนย์กลางเกิน 2 เซนติเมตร หรือลุกลามไปถึงต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้แล้ว
● stage3 ก้อนมะเร็งมีเส้นผ่าศูนย์กลางเกิน 5 เซนติเมตร หรือลุกลามไปถึงผิวหนัง ผนังอกหรือต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง
● stage4 มะเร็งลุกลามไปถึงกระดูก ปอดหรือต่อมน้ำเหลืองที่ห่างจากเต้านม
นอกจากนี้ในบางคนยังมีโอกาสเกิดมะเร็งที่กลับมาซ้ำอีกแม้ว่าจะได้รับการรักษาแล้วก็ตาม เรียกว่า Recurrent breast can-cer
ที่มา
ฐาปนี."มะเร็งเต้านม"ในหนังสือ โรคภัยใกล้ตัวหญิง.หน้า11-22.วรางคณา ขัดสงคราม,
บรรณาธิการ.กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์ บริษัทไพลินบุ๊คเน็ต จำกัด,2548.
บรรณาธิการ.กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์ บริษัทไพลินบุ๊คเน็ต จำกัด,2548.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น